วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

สำนึกรักบ้านเกิด



จังหวัดอุดรธานี


จังหวัดอุดรธานี เป็นจังหวัดอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 564 กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณ 11,730 ตารางกิโลเมตร (ประมาณ 7,331,438.75 ไร่) และยังมีแหล่งอารยธรรมที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของภูมิภาค มีสภาพภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ และยังมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายอีกด้วย

" น้ำตกจากสันภูพาน อุทยานแห่งธรรมะ อารยธรรมห้าพันปี ธานีผ้าหมี่ขิด แดนเนรมิตหนองประจักษ์ เลิศลักษณ์กล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ "
อาณาเขตติดต่อ

อุดรธานีมีอาณาเขตติดกับจังหวัดอื่นๆ ดังนี้
ทิศเหนือ จรดจังหวัดหนองคาย
ทิศตะวันออก จรดจังหวัดสกลนครและจังหวัดกาฬสินธุ์
ทิศใต้ จรดจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดกาฬสินธุ์
ทิศตะวันตก จรดจังหวัดเลยและจังหวัดหนองบัวลำภู

อุทยาน

ตำนาน

วังนาคินทร์คำชะโนดหรือเมืองชะโนด ตั้งอยู่อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี เป็นเมืองที่ปรากฏในตำนานพื้นบ้าน บ่อยครั้งที่ชาวบ้านในระแวกนั้นจะพบเห็นชาวเมืองชะโนดไปเที่ยวงานบุญพระเวท รวมถึงหญิงสาวที่มายืมเครื่องมือทอผ้าอยู่เป็นประจำ และเมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง รวมถึงที่อำเภอบ้านดุง แต่น้ำก็ไม่ท่วมบริเวณคำชะโนด เมื่อระดับน้ำลดลง คำชะโนดก็ยังคงอยู่เช่นเดิม
ตามตำนานได้กล่าวไว้ว่า มีพญานาคอยู่ สองตนได้ปกครองเมืองหนองกระแส โดยครึ่งหนึ่งเป็นของ สุทโธนาค (เจ้าพระยาศรีสุทโธ) ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นของ สุวรรณนาค ทั้งสองปกครองเมืองอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข แต่มีข้อตกลงกันอยู่ว่า ถ้าเมื่อฝ่ายใดออกไปล่าสัตว์หาอาหาร อีกฝ่ายหนึ่งจะต้องไม่ไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งกัน และเมื่อฝ่ายที่ออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาได้นั้น ให้นำมาแบ่งกันอย่างละครึ่ง
เมื่อถึงคราวสุวรรณนาคได้ออกไปล่าสัตว์หาอาหารได้เนื้อช้างมา จึงนำเนื้อช้างที่ได้แบ่งให้สุทโธนาค พร้อมทั้งนำขนของช้างไปยืนยันว่าเป็นเนื้อช้างจริง อีกครั้งที่สุวรรณนาคออกไปล่าสัตว์หาอาหารอีก ครั้งนี้ได้เม่นมาเป็นอาหาร จึงได้นำเนื้อเม่น และขนของเม่นไปมอบให้แก่สุทโธนาคเหมือนเช่นเคย แต่สุทโธนาคกลับแสดงความไม่พอใจ เพราะเมื่อดูจากขนของเม่นที่มีขนาดใหญ่กว่าขนของช้าง ปริมาณเนื้อที่ได้ก็ควรมีมากกว่าเนื้อของช้าง แต่ปริมาณเนื้อนั้นกลับมีน้อยกว่ามากนัก จึงคิดว่าสุวรรณนาคไม่มีความซื่อสัตย์ ฝ่ายสุวรรณนาคพยายามอธิบายอย่างไรก็ไม่เป็นผล จึงเกิดสงครามระหว่างสุทโธนาค และสุวรรณนาค
พระอินทร์ได้ทราบเรื่อง จึงหาวิธีการที่จะทำให้พญานาคทั้งสองนั้นหยุดทำสงครามกัน โดยให้พญานาคทั้งสองสร้างแม่น้ำขึ้นคนละสาย ถ้าใครสร้างได้ถึงทะเลก่อนจะให้ปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำนั้น เมื่อได้ยินเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้สร้างแม่น้ำมุ่งไปทางทิศตะวันออกของหนองกระแส และด้วยความที่สุทโธนาคมีนิสัยใจร้อน เมื่อพบเจอภูเขากั้นทางแม่น้ำก็จะทำการหลบหลีก โค้งไปโค้งมา จึงเกิดเป็น แม่น้ำโขง (โค้ง) ส่วนทางฝ่ายสุวรรณนาคนั้น ได้ทำการสร้างแม่น้ำขึ้นทางทิศใต้ของหนองกระแส สุวรรณนาคมีความละเอียด และใจเย็น แม่น้ำที่สร้างขึ้นจึงมีความตรงกว่าแม่น้ำทุกสาย ได้แก่ แม่น้ำน่าน
สุทโธนาคเป็นผู้ที่สร้างแม่น้ำได้เสร็จก่อน จึงมีปลาบึกขึ้นอยู่ในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียว และเมื่อเป็นเช่นนั้น สุทโธนาคก็ได้ขอทางขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาล กับเมืองมนุษย์ไว้อีก 3 แห่ง หนึ่งในนั้นก็คือ คำชะโนด ซึ่งมีต้นชะโนดขึ้น เป็นสัญลักษณ์ ให้สุทโธนาค พร้อมบริวารสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ (พญาศรีสุทโธ) และตั้งบ้านเมืองปกครองอยู่ที่คำชะโนดได้เมื่อข้างขึ้น 15 วัน อีก 15 วันข้างแรม ให้กลายเป็นนาค อาศัยอยู่เมืองบาดาล (พญานาคราชศรีสุทโธ)
ต้นไม้ประจำจังหวัดอุดรธานี
ต้นทองกวาวหรือต้นจาน เป็นไม้ยืนต้นผลีดใบสูง 8-15 เมตรดอกใหญ่รูปดอกถั่ว สีแสด จะออกดอกในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม

ดอกไม้ประจำจังหวัด: ดอกทองกวาว (Butea monosperma)
ต้นไม้ประจำจังหวัด: เต็ง (Shorea obtusa)

ภูมิประเทศ

ลักษณะภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบสูง สูงกว่าระดับน้ำทะเลโดยเฉลี่ยประมาณ 187 ฟุต หรือ 200-700 เมตร พื้นที่เอียงลาดลงสู่แม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย ประกอบด้วยทุ่งนา ป่าไม้และภูเขา พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นดินทรายปนดินลูกรัง ไม่เก็บน้ำหรืออุ้มน้ำในฤดูแล้ง พื้นที่บางแห่งเป็นดินเค็ม ประกอบกสิกรรมไม่ค่อยได้ผลดี พื้นที่บางส่วนเป็นลูกคลื่นลอนลาด มีพื้นที่ราบผืนเล็ก ๆ แทรกอยู่กระจัดกระจาย พื้นที่ทางทิศตะวันตกมีภูเขาและป่าติดต่อกันเป็นแนวยาว มีทิวเขาสำคัญคือ ทิวเขาภูพาน ทอดเป็นแนวยาวตั้งแต่เขตเหนือสุดไปจนจรดทางใต้สุดเหมือนกับแบ่งพื้นที่ของจังหวัดออกเป็นสองส่วน
ภูมิอากาศ

ภูมิอากาศของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีทิวเขาล้อมรอบทางด้านตะวันออกและด้านใต้ ได้แก่ ทิวเขาเพชรบูรณ์และทิวเขาดงพญาเย็นอยู่ทางตะวันตก ทิวเขาสันกำแพงและทิวเขาพนมดงรักอยู่ทางด้านใต้ ทำให้ฝนที่เกิดจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีน้อย ส่วนมากเป็นฝนที่เกิดจากพายุดีเปรสชันที่ เคลื่อนผ่านเข้ามาระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน ค่าปานกลางของปริมาณน้ำฝนจังหวัดอุดรธานี ประมาณปีละ 1,400-1,600 มิลลิเมตร สภาพอากาศค่อนข้างรุนแรง โดยจะร้อนจัดในฤดูร้อนและอากาศหนาวจัดในฤดูหนาว ซึ่งในฤดูร้อนเคยมีอุณหภูมิสูงสุดถึง 43.9 องศาเซลเซียส และในช่วงฤดูหนาวเคยมีอุณหภูมิต่ำสุดถึง 2.5 องศาเซลเซียส ในรอบ 18 ปีที่ผ่านมา ในช่วงปี พ.ศ. 2539 มีอุณหภูมิสูงสุด 39.2 องศาเซลเซียส ในเดือนมีนาคม 2539 อุณหภูมิต่ำสุด 7.0 องศาเซลเซียส ในเดือนมกราคม 2539 ปริมาณน้ำฝนรวมวัดได้ 1,844.8 มิลลิเมตร
การเดินทาง
เส้นทางคมนาคมและการเดินทางที่สำคัญของอุดรธานี คือ
ทางรถยนต์ ได้แก่ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) และทางหลวงหมายเลข 22 จากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ถึงสระบุรี บริเวณกิโลเมตรที่ 107 แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 2 ผ่านนครราชสีมา ขอนแก่น ถึงอุดรธานี รวมระยะทางประมาณ 546 กิโลเมตร
ทางรถโดยสารประจำทาง ได้แก่ บริการรถโดยสารทั้งธรรมดาและรถปรับอากาศวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-อุดรธานีทุกวัน รถออกจากสถานีขนส่งสายตะวันออกเฉียงเหนือ (จตุจักร) ถนนกำแพงเพชร 2
ทางรถไฟ ได้แก่ สายกรุงเทพฯ-หนองคาย การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดบริการรถไฟวิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-อุดรธานีทุกวัน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน่วยบริการเดินทาง การรถไฟแห่งประเทศไทย
ทางอากาศ ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินนกแอร์ สายการบินไทยแอร์เอเชีย ให้บริการเครื่องบินระหว่าง กรุงเทพฯ-อุดรธานีและอุดรธานี-สุวรรณภูมิ ทุกวัน นอกจากนี้ยังมีให้บริการสายการบินต่างประเทศระหว่างอุดรธานี-หลวงพระบาง และอุดรธานี-ฮานอย
นอกจากนี้ ยังมีรถโดยสารประจำทางไปจังหวัดต่าง ๆ คือ หนองคาย หนองบัวลำภู เลย สกลนคร พิษณุโลก นครพนม เชียงใหม่ เชียงราย ระยอง เป็นต้น

หน่วยการปกครอง

การปกครองแบ่งออกเป็น 20 อำเภอ 155 ตำบล 1,682 หมู่บ้าน อำเภอหมายเลข 12-16 ตามรหัสเขตการปกครองคือจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน
การปกครองแบ่งออกเป็น 20 อำเภอ 155 ตำบล 1,682 หมู่บ้าน อำเภอหมายเลข 12-16 ตามรหัสเขตการปกครองคือจังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน













อำเภอสร้างคอม





สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจ

อนุสาวรีย์ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
ตั้งอยู่กลางเมืองอุดรธานี ถนนทหาร อนุสาวรีย์พระองค์ท่านมีความสำคัญต่อชาวอุดรเป็นอย่างยิ่ง พระองค์เป็นผู้ก่อตั้งจังหวัดอุดรธานีขึ้น นับเป็นเกียรติประวัติสูงสุดของชาวอุดรธานี

สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม
อยู่ในเขตเทศบาลเมืองอุดรธานี หนองประจักษ์เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีมาตั้งแต่ก่อนตั้งเมืองอุดรธานี เดิมเรียกว่า"หนองนาเกลือ" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมือง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "หนองประจักษ์" เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมผู้ทรงก่อตั้งเมืองอุดรธานี ต่อมาในปี พ.ศ. 2530 เทศบาลเมืองอุดรธานี ได้ทำการปรับปรุงหนองประจักษ์ขึ้นใหม่ เพื่อถวายเป็นราชสักการะแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ โดยบริเวณตัวเกาะกลางน้ำได้จัดทำสวนหย่อมปลูกไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิด และทำสะพานเชื่อมระหว่างเกาะมีน้ำพุ หอนาฬิกา และสวนเด็กเล่น แต่ละวันจะมีประชาชนเข้าไปพักผ่อนและออกกำลังกายกันเป็นจำนวนมาก

ศาลเจ้าปู่-ย่า

ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟใกล้ตลาดหนองบัว ถนนนิตโย เป็นศาลเจ้าของชาวอุดรธานีเชื้อสายจีนที่ใหญ่โต และสวยงาม มีสวนหน่อมริมหนองบัว บริเวณโดยรอบมีศาลาชมวิวกลางน้ำ 2 หลัง บรรยากาศร่มรื่นเหมาะแก่การท่องเที่ยวและพักผ่อน และในศาลเจ้าปู่-ย่าแห่งนี้ ยังมีมังกรทองยาวถึง 99 เมตร ซึ่งใช้แสดงในงานทุ่งศรีเมืองในวันที่ 1-15 ธันวาคม ของทุกปี

วัดป่าบ้านตาด

ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตาด เดินทางออกจากตัวเมืองไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพอุดร-ขอนแก่น) ถึงบริเวณสี่แยกบ้านคงเค็ง แล้วแยกขวาเข้าไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณวัดที่อยู่เลยจากชุมชนหมู่บ้านตาดไม่ไกลเท่าใดนัก สภาพโดยทั่วไปของวัดนี้มีลักษณะเป็นพื้นที่ป่าบนโคก มีพื้นที่ทั้งหมดราว 163 ไร่ ล้อมรอบด้วยกำแพง เป็นที่พำนักของ พระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และวัดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการไปปฏิบัติธรรม วัดนี้ยังมีบุคคลสำคัญเดินทางมาวัดเพื่อนมัสการพระอาจารย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ด้วย อาทิ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เป็นต้น

วัดโพธิสมภรณ์

ตั้งอยู่ที่ตำบลหมากแข้ง เป็นวัดที่สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ 5 โดยมหาอำมาตย์ตรีพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพธิ เนติโพธิ) สมุหเทศาภิบาลมณฑลอุดร ได้ชักชวนราษฎรในหมู่บ้านหมากแข้งสร้างวัด ซึ่งชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดใหม่ ต่อมา พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ได้ทรงประทานนามว่า "วัดโพธิสมภรณ์" ให้เป็นอนุสรณ์แก่พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรผู้สร้างวัดนี้

วัดมัชฌิมาวาส

ตั้งอยู่ที่ตำบลหมากแข้ง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า วัดเดิมหรือวัดเก่า ในวิหารเล็กๆ ภายในวัดมีพระพุทธรูปหินสีขาวปางนาคปรกประดิษฐานอยู่ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "หลวงพ่อนาค" เป็นที่เคารพสักการะของชาวอุดรธานี ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคมได้โปรดให้สร้างวัดขึ้นที่วัดร้างโนนหมากแข้ง และให้ชื่อว่า "วัดมัชฌิมาวาส"

สวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์

ตั้งอยู่ที่ซอยกมลวัฒนา ถนนรอบอุดร-หนองสำโรง จากตัวเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 2 (อุดรธานี-หนองคาย) ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร เลยแยกถนนเลี่ยงเมืองไปเล็กน้อย ทางซ้ายมือจะมีทางแยกเข้าหนองสำโรงประมาณ 500 เมตร และเห็นป้ายบอกทางเข้าสวนกล้วยไม้ทางด้านซ้ายมือสวนกล้วยไม้หอมอุดรซันไฌน์ เป็นสวนกล้วยไม้ที่ผลิตกล้วยไม้กลิ่นหอมพันธุ์ใหม่ของไทยซึ่งใช้เวลาในการ ค้นคว้าและผสมพันธุ์ระหว่างแวนดา (Vanda) กับโจเซฟิน แวน เบอร์โรว์ (Josephine Van Berrow) ได้รับการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ที่สมาคมกล้วยไม้โลก สหราชอาณาจักร เมื่อปี พ.ศ. 2531 ชื่อพันธุ์ Udon Sunshine Orchid หรือพันธุ์นางสาวอุดรซันไฌน์ ซึ่งมีการนำไปสกัดทำน้ำหอมในชื่อเดียวกันติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0 4224 2475

หมู่บ้านนาข่าและศูนย์หัตถกรรมบ้านเม่น

อยู่ในเขตอำเภอเมืองอุดรธานี ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 16 กิโลเมตร ตามเส้นทางทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพอุดร-หนองคาย) หมู่บ้านอยู่ทางขวามือ ตรงข้ามโรงเรียนชุมชนนาข่า เป็นหมู่บ้านที่มีการทอผ้าขิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากผ้าขิตในราคาย่อมเยา การเดินทางมีรถโดยสารประจำทางสายอุดรธานี-นาข่า ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นได้ที่หน้าสถาบันราชภัฎอุดรธานีและตลาดรังษิณา

อ่างเก็บน้ำห้วยหลวง

อยู่บนทางหลวงแผ่นดินสายอุดรธานี-หนองบัวลำภู ตรงกิโลเมตรที่ 15 แล้วแยกเข้าไปอีก 10 กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ อยู่ในความรับผิดชอบของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พื้นที่อ่างเก็บน้ำประมาณ 20,000 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำได้ 113 ล้านลูกบาศก์เมตร และส่งน้ำเพื่อการเกษตรได้จำนวน 86,000 ไร่ เป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อการเกษตร การประมง การจ่ายน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปา เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีภูมิประเทศที่สวยงามเหมาะสำหรับการล่องแพ ตกปลา และนั่งเรือชมทิวทัศน์ ปัจจุบันทางราชการได้สร้างพระตำหนักที่ประทับของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราช ชนนี ซึ่งพระองค์ท่านเคยเสด็จประทับเกือบทุกปี

อำเภอหนองหาน
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง

ตั้งอยู่ที่บ้านเชียง ตำบลบ้านเชียง แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 ตั้งอยู่ทางด้านขวาของทางเข้า อยู่ในบริเวณวัดโพธิ์ศรีใน เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดที่เป็นแหล่งโบราณคดีแห่งแรกในประเทศไทย เป็นนิทรรศการถาวร ซึ่งแสดงขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยังคงลักษณะของศิลปวัตถุที่พบตาม ชั้นดิน เพื่อให้ผู้เข้าชมได้ศึกษาถึงการขุดค้นทางโบราณคดีและโบราณวัตถุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นภาชนะเผาที่ฝังรวมกับศพ
ส่วนที่ 2 ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้า เป็นอาคารที่จัดแสดงเกี่ยวกับเรื่องราวและวัฒนธรรมของบ้านเชียงในอดีต ตลอดจนเครื่องมือเครื่องใช้ที่แสดงถึงเทคโนโลยีในสมัยโบราณ รวมทั้งโบราณวัตถุและนิทรรศการบ้านเชียงที่เคยจัดแสดง ณ สหรัฐอเมริกา นอกจากนั้น ภายในบริเวณอาคารส่วนที่ 2 ยังมีห้องนิทรรศการ ห้องบรรยาย ฉายภาพยนตร์ ภาพนิ่ง และการให้บริการการศึกษาต่าง ๆ
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียงนั้นสะดวกมาก เนื่องจากอยู่ห่างจากตัวจังหวัดเพียง 55 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลขหมายเลข 22 (อุดรธานี-สกลนคร) ตรงกิโลเมตรที่ 50 ก็จะถึงปากทางเข้าบ้านปูลู จะเห็นป้ายบอกทางไปพิพิธภัณฑ์ทางด้านซ้ายมือ เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2225 อีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเปิดให้เข้าชมทุกวันเว้นวันจันทร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ค่าเข้าชมชาวไทยคนละ 10 บาท ชาวต่างประเทศ คนละ 30 บาท

เทศกาลประเพณีประจำปี
งานนมัสการพระพุทธบาทบัวบก

จัดในวันขึ้น 13-15 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปี ภายในงานจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้า และผลิตภัณฑ์ พื้นเมือง ประชาชนจังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงต่างมาร่วมงานอย่างหนาแน่น

งานทุ่งศรีเมืองอุดรธานี

ประมาณวันที่1-15ของเดือนธันวาคมของทุกปี ภายในงานจะมีการออกร้านจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์พื้นเมืองเช่น ผ้าไหม ผ้าทอลายขิด ผ้าทอมือ ผ้าหมี่ขิด และยังมีการแสดงโชว์มังกรทองจากศาลาเจ้าปู่-ย่าด้วย


วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ป่าชายเลนมีความสำคัญอย่างไร




ป่าชายเลน
ป่าชายเลน เป็นกลุ่มของสังคมพืช ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไม้ไม่ผลัดใบ มีลักษณะทางเสรีวิทยาและการปรับตัวทางโครงสร้างที่คล้ายคลึงกันและการขึ้น ของพรรณไม้ในป่าชายเลน จะขึ้นอยู่กับแนวเขตซึ่งผิดแปลกไปจากสังคมพืชป่าบกทั้งนี้เพราะอิทธิพลจาก ลักษณะของดิน ความเค็มของน้ำทะเลและการขึ้นลงของน้ำทะเลเป็นสำคัญสำหรับแนวเขตที่เด่นชัด ของป่าชายเลน ได้แก่
- โกงกาง ทั้งโกงกางใบเล็กและโกงกางใบใหญ่ จะขึ้นอยู่หนาแน่นบนพื้นที่ใกล้ฝั่งทะเล
- ไม้แสมและประสัก จะอยู่ถัดจากแนวเขตของโกง
- ไม้ตะบูน จะอยู่ลึกเข้าไปจากแนวเขตของไม้แสมและประสัก เป็นพื้นที่ที่มีดินเลน แต่มักจะแข็ง ส่วนบนพื้นที่ดินเลนที่ไม่แข็งมากนัก และมีน้ำทะเลท่วมถึงเสมอ จะมีไม้โปรง รังกะแท้ และฝาด ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
- ไม้เสม็ด จะขึ้นอยู่แนวเขตสุดท้าย ซึ่งเป็นพื้นที่เลนแข็งที่มีน้ำทะเลท่วมถึงเป็นครั้งคราว เมื่อระดับน้ำทะเลขึ้นสูงสุดเท่านั้น และแนวเขตนี้ถือว่าเป็นแนวติดต่อระหว่างป่าชายเลนกับป่าบก
- สำหรับพวกปรงจะพบทั่วๆ ไปในป่าชายเลน แต่จะขึ้นอย่างหนาแน่นในพื้นที่ถูกถาง

ความสำคัญของป่าชายเลน
ป่าชายเลน นับวันจะมีความสำคัญมากขึ้นต่อชีวิตประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศที่มี ทรัพยากรประเภทนี้ ประเทศไทยใช้ทรัพยากรป่าชายเลน ทั้งทางด้านป่าไม้ และด้านประมง โดยเฉพาะเป็นแหล่งขยายพันธุ์ และเป็นแหล่งอนุบาลในด้านป่าไม้ ผลิตผลที่ได้จากป่าชายเลน ช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศได้มาก ก็คือ การนำไม้จากป่าชายเลนโดยเฉพาะไม้โกงกางมาทำถ่าน นอกจากนี้ ยังนำไปใช้ทำเสาเข็ม สร้างบ้าน และในปัจจุบัน อุตสาหกรรมเกี่ยวกับการกลั่นไม้จากป่าชายเลน โดยเฉพาะผลิตผลด้านเมทิลแอลกอฮอล์ กรดน้ำส้ม และน้ำมันดิบ เป็นต้น

สำหรับในด้านการประมง ป่าชายเลนถือว่าเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญต่อสัตว์น้ำนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นพวกกุ้ง หอย ปู และปลา วงจรชีวิตของสัตว์น้ำเหล่านี้จะมีความสัมพันธ์กับป่าชายเลนอย่างมาก ทั้งในด้านเป็นที่อยู่อาศัย แหล่งเพาะพันธุ์ และการเจริญเติบโต ป่าชายเลนสามารถผลิตอาหารแร่ธาตุหลายชนิด โดยได้จากการร่วงหล่นและสลายตัวของเศษไม้ ใบไม้ ความรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน จะเป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์น้ำกับป่าชายเลนนั้นมี มากมาย หากมีการทำลายป่าชายเลนลงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเหล่านี้จะหมดไป และในที่สุด ทรัพยากรสัตว์น้ำก็จะลดปริมาณลง หรือหมดไปอีกด้วย

การอนุรักษ์ป่าชายเลน
โดยที่ป่าชายเลน เป็นทรัพยากรที่สำคัญและให้ประโยชน์ทั้งในด้านป่าไม้ ประมง และรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ป่าชายเลนได้ถูกทำลายลงด้วยกิจกรรมต่างๆ อยู่เป็นประจำ ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องหาแนวทางในการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชาย เลนให้ได้ผลเต็มที่ตลอดไป และในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นการทำลายระบบนิเวศด้วย หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือ การจัดการทรัพยากรป่าชายเลนเพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ยั่งยืนต่อไป การอนุรักษ์ป่าชายเลน ได้แก่

๑. การรักษาพื้นที่ป่าชายเลนที่มีอยู่ให้คงไว้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร และจะต้องช่วยกันหลายๆ ฝ่าย ลำพังกรมป่าไม้แต่เพียงหน่วยงานเดียว ย่อมทำได้ยาก การป้องกันอย่างจริงจัง รวมทั้งการจัดการวางแผนการใช้ที่ดินชายฝั่งทะเลให้เหมาะสม จะเป็นทางหนึ่งที่จะรักษาพื้นที่ป่าชายเลนไว้ได้ นอกจากนี้กฎระเบียบต่างๆ ตลอดจนมติคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับการใช้พื้นที่ป่าชายเลนควรจะใช้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
๒. การเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน โดยการปลูกป่า ปัจจุบันกรมป่าไม้มีนโยบายที่จะขยายและสนับสนุนการปลูกป่าชายเลนเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของราชการ และส่วนของเอกชน ตามพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณชายฝั่งทะเล ทั้งที่ผ่านการทำเหมืองแร่ หรือพื้นที่นากุ้ง หรือนาข้าวที่เลิกไปแล้ว ซึ่งมีอยู่มากมาย และมีโอกาสที่จะฟื้นฟูให้เป็นป่าชายเลนขึ้นมาได้ นอกจากนี้พื้นที่ดินงอกตามชายฝั่งทะเลก็เป็นพื้นที่ที่จะสามารถปลูกป่าชาย เลนขึ้นมาได้
๓. การใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการศึกษาวิจัยเพื่อหาวิธีการและเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในการใช้ ประโยชน์ทั้งทางด้านป่าไม้ ประมงและวิธีการผสมผสานระหว่างป่าไม้กับประมงให้มากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ หากทางด้านผู้ปฏิบัติการเจ้าหน้าที่ควบคุม และนักวิชาการ ได้ร่วมมือกันอย่างจริงจังแล้ว เชื่อว่าการใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าชายเลนจะประสบผลสำเร็จมากขึ้น โดยได้ผลิตผลสูงขึ้น และปราศจากการทำลายระบบนิเวศของตัวเอง

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2552

What are NGV & LPG ?

NGV / LPG คืออะไร
ก๊าซธรรมชาติคืออะไร

ก๊าซธรรมชาติ เป็นพลังงานปิโตรเลียมชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับน้ำมัน ที่จริง น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ก็คือ ซากพืชและซากสัตว์ที่ทับถมกันมานานหลายแสนหลายล้านปี และทับถมสะสมกัน จนจมอยู่ใต้ดิน แล้วเปลี่ยนรูปเป็นสิ่งที่เรียกว่า ฟอสซิล ระหว่างนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ จนซากสัตว์และซากพืชหรือฟอสซิลนั้นกลายเป็นน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ที่เรานำมาใช้ประโยชน์ได้ในที่สุด เราจึงเรียกเชื้อเพลิงประเภทน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน ว่า เชื้อเพลิงฟอสซิล
ในทางวิทยาศาสตร์ เรารู้กันดีว่า ต้นพืชและสัตว์ รวมทั้งคน ประกอบด้วยเซลล์เล็กๆ มากมาย เซลล์เหล่านี้ประกอบด้วยธาตุไฮโดรเจนและธาตุคาร์บอนเป็นหลัก เวลาซากสัตว์และซากพืชทับถมและเปลี่ยนรูปเป็นน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติหรือ ถ่านหิน พวกนี้จึงมีองค์ประกอบของสารไฮโดรคาร์บอนเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อนำไฮโดรคาร์บอนเหล่านี้มาเผา จะให้พลังงานออกมาแบบเดียวกับที่เราเผาฟืน เพียงแต่เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือถ่านหิน ให้ความร้อนมากกว่า

ก๊าซธรรมชาติ มีก๊าซหลายอย่างประกอบเข้าด้วยกัน มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า มีเทน อีเทน โพรเพน บิวเทน ฯลฯ แต่โดยทั่วไปจะประกอบด้วยก๊าซมีเทนเป็นส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 70 ขึ้นไป ก๊าซพวกนี้เป็นสารไฮโดรคาร์บอนทั้งสิ้น เมื่อจะนำมาใช้ ต้องแยกก๊าซออกจากกันเสียก่อน จึงจะใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ นอกจากสารไฮโดรคาร์บอนแล้ว ก๊าซธรรมชาติยังอาจประกอบด้วยก๊าซอื่นๆ อาทิ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ไนโตรเจน และน้ำ เป็นต้น สารประกอบเหล่านี้สามารถแยกออกจากกันได้ โดยนำมาผ่านกระบวนการแยกที่โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ก๊าซที่ได้แต่ละตัวนำไปใช้ประโยชน์ต่อเนื่องได้อีกมากมาย

คุณสมบัติทั่วไปของก๊าซธรรมชาติ

-
เป็นเชื้อเพลิงปิโตรเลียมชนิดหนึ่ง เกิดจากการทับถมของสิ่งมีชีวิตนับล้านปี
-
เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประกอบด้วยก๊าซมีเทนเป็นหลัก
-
ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ปราศจากพิษ ( ส่วนมากกลิ่นที่เราคุ้นเคยจากก๊าซธรรมชาติเป็นผลมาจาก การเติมสารเคมีบางประเภทลงไป เพื่อให้ผู้ใช้รู้ได้ทันท่วงทีเมื่อเกิดเหตุการณ์ก๊าซรั่ว)
-
เบากว่าอากาศ (ความถ่วงจำเพาะ 0.5-0.8 เท่าของอากาศ)
-
ติดไฟได้ โดยมีช่วงของการติดไฟที่ 5-15% ของปริมาตรในอากาศ และอุณหภูมิที่สามารถติดไฟได้เองคือ 537-540 องศาเซลเซียส

คุณประโยชน์ของก๊าซธรรมชาติ

-
เป็นเชื้อเพลิงปิโตรเลียมที่นำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง มีการเผาไหม้สมบูรณ์
-
ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
-
มีความปลอดภัยสูงในการใช้งาน เนื่องจากเบากว่าอากาศ จึงลอยขึ้นเมื่อเกิดการรั่ว
-
มีราคาถูกกว่าเชื้อเพลิงปิโตรเลียมอื่นๆ เช่น น้ำมัน น้ำมันเตา และก๊าซปิโตรเลียมเหลว
-
สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม ช่วยขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ
-
ก๊าซธรรมชาติส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศไทยผลิตได้เองจากแหล่งในประเทศ จึงช่วยลดการนำเข้าพลังงานเชื้อเพลิงอื่นๆ และประหยัดเงินตราต่างประเทศได้มาก

การใช้ก๊าซธรรมชาติสำหรับรถยนต์ (NGV )

Natural Gas for Vehicles ( NGV ) คือ ก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ โดยก๊าซ NGVนี้มีมีส่วนประกอบหลักคือ ก๊าซมีแทนที่มีคุณสมบัติเบากว่าอากาศ ส่วนใหญ่จะมีการใช้ อยู่ในสภาพเป็นก๊าซที่ถูกอัดจนมีความดันสูง (ประมาณ 3,000 ปอนด์ ต่อ ตารางนิ้ว)เก็บไว้ในถังที่มีความแข็งแรง ทนทานสูงเป็นพิเศษ เช่น เหล็กกล้า บางครั้งเรียกก๊าซนี้ว่า CNG ( Compressed Natural gas)

หรือ ก๊าซธรรมชาติอัด การใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ มีข้อดีคือ เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์ ให้มลพิษต่ำโดยเฉพาะปริมาณฝุ่นละออง ( Particulate ) และควันดำ


รูปแบบการใช้ NPG กับรถยนต์

รถยนต์ใช้ก๊าซ NGV เป็นเชื้อเพลิงอย่างเดียว ( Dedicated NGV ) ส่วนใหญ่ผลิตจากโรงงานโดยตรง
ใช้เครื่องยนต์ที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นสำหรับใช้ก๊าซธรรมชาติโดยเฉพาะ
รถยนต์ใช้ก๊าซ NGV ระบบเชื้อเพลิงทวิ ( Bi-Fuel System ) ซึ่งระบบที่สามารถเลือกใช้น้ำมันเบนซินหรือใช้ NGV เป็นเชื้อเพลิงได้โดยเพียงแต่ปรับสวิตช์เลือกใช้เชื้อเพลิงเท่านั้น
รถยนต์ใช้ก๊าซ NGV ระบบเชื้อเพลิงผสม ( Dual-fuel system ) ซึ่งเป็นระบบใช้น้ำมันดีเซล ผสมก๊าซ NGV โดยใช้ร่วมกัน

1.
ระบบความปลอดภัย ความปลอดภัยของระบบเชื้อเพลิงก๊าซ ( NGV SAFETY ADVICE )
ระบบ BRC / NGV ได้ถูกออกแบบตามมาตรฐานที่ให้ความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ECE R110 ทำให้รถของท่านมีความปลอดภัยสูงสุดและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ก๊าซธรรมชาติ เป็นก๊าซประเภท ( NON - TOXIC)
และ ไม่เป็นอันตรายต่อการสูดหายใจเข้าไปในปริมาณความเข้มข้นต่ำและก๊าซธรรมชาติ มีน้ำหนักเบากว่าอากาศ ดังนั้นเมื่อมีการรั่วตามจุดข้อต่อต่าง ๆ ก๊าซธรรมชาติจะลอยขึ้นสู่อากาศไม่สะสมในรถยนต์

กรณีที่สงสัย หรือพบว่ามีการรั่วไหลของก๊าซธรรมชาติ ควรจอดรถในที่โล่ง , ดับเครื่องยนต์และปิดวาล์วมือที่ถังบรรจุก๊าซธรรมชาติ จากนั้นปรับไปใช้เชื้อเพลิงแก๊สโซลีน และนำรถยนต์ของท่านไป ตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญที่ได้มาตรฐาน

เมื่อเติมก๊าซธรรมชาติให้เปิด ฝาครอบพลาสติกที่ครอบหัวเติมก๊าซ จะมีสวิตช์ที่การทำงานตัดระบบของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ เครื่องยนต์จะสตาร์ทไม่ติด

2.
การซ่อมบำรุงการปรับเปลี่ยน (CONVERSION MAINTENANCE)
อุปกรณ์ เสริมเพื่อใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติในรถของท่าน ต้องการการซ่อมบำรุงเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคำแนะนำนี้จะช่วยให้รถของท่านทำ งานด้วยสมรรถนะที่ดีที่สุด

การตรวจสอบระยะ 1,000 กิโลเมตร
เมื่อ เครื่องยนต์ติดตั้งระบบ NGV และใช้งานแล้วประมาณ 1,000 กิโลเมตร กรุณานำรถเข้าศูนย์เพื่อทำการ ปรับตั้ง (JUNE UP) และเพื่อตรวจสอบการทำงานอีกครั้งทั้งระบบ โปรดติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญ หรือศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจสอบรถของท่าน
(
ดูรายการตรวจสอบที่ 1000 กิโลเมตร ในหัวข้อตารางการซ่อมบำรุง )

การตรวจสอบประจำปี
การตรวจสอบระบบเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ นั้นควรมีการตรวจสอบทุกปี
(
ดูรายการตรวจสอบประจำปี ในหัวข้อตารางการซ่อมบำรุง )

ถังบรรจุเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ

ชิ้นส่วนอุปกรณ์ ระยะเวลา
-
รักษาระบบการจุดระเบิด
(IGNITION SYSTEM)
ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
(
ดูตารางการซ่อมบำรุงจาก คู่มือการใช้รถของท่าน)
-
เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตามระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ
-
เปลี่ยนกรองอากาศ ทุก20,000-30,000กิโลเมตรหรือตามความจำเป็น
-
ทำความสะอาดกรองอากาศ ทุก ๆ อาทิตย์
-
เปลี่ยนกรองก๊าซ NGV ทุก 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี
-
เปลี่ยนหัวเทียน ทุกๆ30,000 กิโลเมตร
-
ตรวจสอบข้อต่อและอุปกรณ์ NGV
(
ยกเว้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า) ด้วยน้ำสบู่ทุก ๆ เดือน
-
ทำการใช้ระบบเชื้อเพลิง อย่างน้อย 10 กิโลเมตร/วัน
-
ตรวจสอบตั้งค่าการทำงานในระบบเชื้อเพลิงNGV เมื่อมีการซ่อมแซมเครื่องยนต์ใหม่
-
การตรวจสอบถังบรรจุเชื้อเพลงก๊าซธรรมชาติ NGV ต้องทำการตรวจและรับรอง ทุกๆ 5 ปี

ก๊าซปิโตเลียมเหลว กับ ก๊าซหุงต้ม ( LPG )
ก๊าซ หุงต้ม มีชื่อเป็นทางการว่าก๊าซปิโตรเลียมเหลว ( liquefied petroleum gas : LPG ) หรือเรียกย่อๆ ว่า แอลพีจี เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการแยกน้ำมันดิบในโรงกลั่นน้ำมันหรือการแยกก๊าซ ธรรมชาติ ในโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ก๊าซปิโตรเลียมเหลวประกอบด้วยส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอน 2 ชนิด คือ โพรเพนและบิวเทน ในอัตราส่วนเท่าใดก็ได้ หรืออาจจะเป็นโพรเพนบริสุทธิ์ 100% หรือบิวเทนบริสุทธิ์ 100% ก็ได้ สำหรับในประเทศไทยก๊าซหุงต้มส่วนใหญ่ได้จากโรงแยกก๊าซธรรมชาติโดยใช้อัตรา ส่วนผสมของโพรเพน และบิวเทนประมาณ 70:30 ซึ่งจะให้ค่าความร้อนที่สูง ทำให้ผู้ใช้ประหยัดเวลาและค่าเชื้อเพลิง
ก๊าซปิโตรเลียมเหลวสามารถใช้ เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ในครัวเรือน ในโรงงานอุตสาหกรรม และในยานพาหนะได้ เช่นเดียวกับก๊าซธรรมชาติที่สามารถใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในโรงงานอุตสาหกรรม และในยานพาหนะ แต่ในประเทศไทยยังไม่มีการนำก๊าซธรรมชาติมาใช้งานในครัวเรือนโดยตรง ด้วยคุณสมบัติในการเป็นเชื้อเพลิงติดไฟของก๊าซธรรมชาติและก๊าซหุงต้ม เพื่อความปลอดภัย ผู้ใช้ต้องใส่ใจในการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัยในการใช้งานอย่างเคร่งครัด

คุณสมบัติทั่วไปของ LPG
เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประกอบด้วยก๊าซโพรเทนและนิวเทน เป็นหลัก
ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี ปราศจากพิษ ( แต่โดยทั่วไปจะเติมสารเคมีเพื่อความปลอดภัย )
หนักกว่าอากาศ
ติดไฟได้ในช่วงของการติดไฟที่ 2–15 % ของปริมาณในอากาศ และอุณหภูมิที่ติดไฟได้เองคือ 400 c

คุณประโยชน์ของก๊าซ LPG
เป็นเชื้อเพลิงที่นำมาใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงมีการเผาไหม้สมบูรณ์
ลดการสร้างก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะไอกรีน
มีราคาถูก 9.5 ( 05/08/48 )
ก๊าซอยู่ในสภาพแรงดันต่ำ 180 psi
อัตราการสิ้นเปลืองก๊าซเทียบเท่ากับการใช้น้ำมันเบนซิน
อุปกรณ์มีราคาถูกกว่าอุปกรณ์ก๊าซ NGV

ข้อเปรียบเทียบ
ก๊าซธรรมชาติ
ก๊าซหุงต้ม (LPG)

ความ ปลอดภัย มีความปลอดภัยสูงเนื่องจาก เบากว่าอากาศเมื่อเกิดการรั่วไหล จะลอย ขึ้นสู่อากาศทันที เนื่องจากหนักกว่าอากาศ เมื่อเกิดการรั่วไหลจะกระจายอยู่ตามพื้นราบ
ความพร้อมในการนำมาใช้งาน สถานะเป็นก๊าซนำไปใช้ได้เลย สถานะเป็นของเหลว ต้องทำให้เป็นก๊าซ ก่อนนำไปใช้งาน
ประสิทธิภาพการเผาไหม้ เผาไหม้ได้สมบูรณ์ เผาไหม้ได้สมบูรณ์
คุณลักษณะของเชื้อเพลิง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเผาไหม้
ปราศจากเขม่าและกำมะถัน ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่โดยทั่วไป
จะเติมสารเคมีเพื่อความปลอดภัย
จำนวนสถานีบริการ 36 แห่ง ( กค 48) กว่า 200 แห่งทั่วประเทศ

1.
ระบบความปลอดภัย ความปลอดภัยของระบบเชื้อเพลิงก๊าซ ( LPG SAFETY ADVICE )
ระบบ LPG ซึ่งผลิตโดย BRC ได้ถูกออกแบบตามมาตรฐานที่ให้ความปลอดภัยสูง ตามมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป ECE 67 ซึ่งทำให้รถของท่านมีความปลอดภัยสูง และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
กรณีที่สงสัย หรือพบว่ามีการรั่วไหลของแก๊ส ควรปฏิบัติดังนี้
1.
ดับเครื่องยนต์ และเคลื่อนย้ายไปที่อากาศถ่ายเท
2.
ปิดวาล์วทันทีเมื่อพบแก๊สรั่ว (มีกลิ่นเหม็น) หรือ ได้ยินเสียงรั่วซึม
3.
หยุดการกระทำที่อาจเกิดประกายไฟ ตรวจหาจุดรั่วซึมและแก้ไขจนกว่ามีการรั่วซึม
4.
หากทำการแก้ไขด้วยตัวเองไม่ได้ทำการสับสวิทช์มาใช้เบนซินและนำรถมาซ่อมที่ศูนย์ติดตั้ง

2.
การซ่อมบำรุงการปรับเปลี่ยน (CONVERSION MAINTENANCE)
อุปกรณ์ เสริมเพื่อใช้เชื้อเพลิงแก๊ส LPG ในรถของท่าน ต้องการการซ่อมบำรุงเพียงเล็ก น้อยเท่านั้น คำแนะนำนี้จะช่วยให้รถของท่านทำงานด้วยสมรรถนะที่ดีที่สุด
ตารางการดูแลและบำรุงรักษาที่ควรทำเป็นประจำ
(REGULAR MAINTENANCE)

ชิ้นส่วนอุปกรณ์
ระยะเวลา

-
รักษาระบบการจุดระเบิด (IGNITION SYSTEM)
ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ( ดูตารางการซ่อมบำรุงจาก คู่มือการใช้รถของท่าน)

-
เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง
ตามระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ

-
เปลี่ยนกรองอากาศ
ทุก 20,000- 30,000 กิโลเมตร หรือตามความจำเป็น

-
ทำความสะอาดกรองอากาศ
ทุก ๆ อาทิตย์

-
เปลี่ยนกรองก๊าซ LPG
ทุก 40,000 กิโลเมตร หรือทุก 1 ปี
-
เปลี่ยนหัวเทียน
ทุก ๆ 30,000 กิโลเมตร

-
ตรวจสอบข้อต่อและอุปกรณ์ LPG
(
ยกเว้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้า)
ด้วยน้ำสบู่ทุก ๆ เดือน

-
ทำการใช้ระบบเชื้อเพลิง
อย่างน้อย 10 กิโลเมตร/วัน

-
ตรวจสอบตั้งค่าการทำงานในระบบเชื้อเพลิงLPG
เมื่อมีการซ่อมแซมเครื่องยนต์ใหม่

-
การตรวจสอบถังบรรจุเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ
อายุไม่เกิน 10 ปี
(
ไม่ต้องตรวจและทดสอบ )
อายุเกิน 10 ปี
(
ต้องตรวจและทดสอบทุก 5 ปี )

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การป้องกันอุบัติเหตุ

วิธีการขับรถอย่างประหยัดและปลอดภัย
ขับรถดี มีวินัย ภัยไม่มี หรือ ขับรถดี ไม่มีน้ำใจ ภัยก็มี
ใช้เกียร์ให้ถูกต้อง
เกียร์แต่ละระดับจะต้องมีความสัมพันธ์กับความเร็วของรถ ถ้าท่านลากเกียร์ต่ำนานๆ หรือเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงในขณะที่ความเร็วของรถยังไม่พอ เป็นสาเหตุให้เปลืองน้ำมัน และถ้าเลี้ยงคลัทช์ขณะจอดรถ ติดสะพาน หรือรอสัญญาณจราจรนั้น ก็จะทำให้สิ้นเปลืองคลัทช์ และน้ำมัน ควรหลีกเลี่ยง โดยใช้การเหยียบเบรกและเบรกมือช่วยแทน
เปิดแอร์เท่าที่จำเป็น
แอร์รถยนต์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับสภาพอากาศร้อนระอุบนถนนเมืองไทย แต่รถที่ใช้แอร์จะเปลืองน้ำมันมากกว่ารถที่ไม่ได้แอร์อย่างน้อย 10% ขึ้นไป วิธีประหยัดน้ำมันก็คือ เลือกเปิดแอร์เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น ถ้าอากาศภายนอกเย็น แอร์รถยนต์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเปิดใช้เลย
ตรวจสอบลมยาง
รถแต่ละชนิดใช้ขนาดยางและแรงอัดลมยางไม่เท่ากัน ท่านควรหมั่นตรวจสอบยางทั้งสี่ล้อของท่านอยู่เสมอ ให้ได้แรงอัดจำนวนปอนด์ต่อตารางนิ้วเท่าที่กำหนดไว้ เพราะว่าถ้าปล่อยให้ยางอ่อนเกินไป จะเพิ่มความฝืดให้กับรถทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมาก
กำหนดเส้นทางขับ
ก่อนออกรถ ท่านควรจะกำหนดเส้นทาง หรือใช้คู่มือแผนที่เพื่อกำหนดเส้นทางไว้ก่อนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ระยะทางสั้นที่สุดที่จะประหยัดเวลาของท่านให้ได้มากที่สุด และที่สำคัญก็คือช่วยประหยัดน้ำมันให้ท่านมากที่สุดด้วย
ตรวจสภาพรถ
หมั่นตรวจสอบและสังเกตุสภาพรถอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเฟืองท้าย ไฟหน้า ไฟท้ายรถ ยางรถ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญมาก เมื่อส่วนหนึ่งชำรุดเสียหาย ส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องก็จะเสียหายตามไปด้วย ท่านจึงควรมีเวลาตรวจสอบรถของท่านอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้งหรือนำรถไปให้อู่หรือสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งจะมีช่างผู้ชำนาญและคอยให้คำแนะนำ เพื่อให้รถของท่านมีความมั่นคงแข็งแรงใช้งานได้อย่างมั่นใจตลอดการเดินทาง
ใช้รถร่วมกัน
ควรใช้รถร่วมกันกับมิตรสหาย หรือเพื่อนบ้าน หากท่านมองดูรอบๆ ตัว บนท้องถนนในเวลาปกติ ท่านจะเห็นว่ารถติดแน่นไปหมด และส่วนใหญ่ในรถแต่ละคันนั้นมักจะมีเจ้าของนั่งขับอยู่เพียงคนเดียว หากเราหันหน้าเข้าหามิตรสหายหรือเพื่อนบ้านที่อยู่บนเส้นทางเดียวกันและตกลงที่จะผลัดกันใช้รถร่วมกัน ท่านจะประหยัดค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาล ทั้งเป็นการช่วยลดการจราจรที่ติดขัดได้อย่างมากอีกด้วย

รักษากฎจราจร
ต้องรักษากฎจราจรโดยเคร่งครัด เพราะโดยมากอุบัติเหตุและการจราจรติดขัดมักจะมีสาเหตุมาจากการไม่เคารพกฎจราจร เช่น การแซงรถในที่คับขัน การไม่รักษาเส้นทาง การไม่ให้สัญญาณที่ถูกต้องเมื่อจะเปลี่ยนเส้นทาง ขาดมารยาทการขับรถที่ดีและไม่มีน้ำใจในการขับรถ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย แต่สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ใจและมีน้ำใจ เพื่อรักษาชีวิตและทรัพย์สินบนท้องถนนไว้ให้ปลอดภัย
ให้สัญญาณ
บอกให้คนอื่นทราบ เมื่อท่านขับรถบนท้องถนน หรือเดาได้ว่าท่านจะทำอะไรหรือไปทางไหน เช่น ชะลอรถและชิดซ้าย เมื่อจะเข้าซอยซ้ายมือ เมื่อจะเลี้ยวขวาก็ให้สัญญาณเลี้ยวขวา และชะลอรถชิดขอบทางด้านขวา เมื่อท่านจะแซงก็ต้องให้สัญญาณล่วงหน้าอย่างถูกต้อง
อย่าขับรถเร็ว
ถ้าเราขับรถเร็ว เราก็จะบังคับรถลำบากขึ้นโอกาสที่จะประสบอุบัติเหตุก็สูง แม้ว่าท่านจะขับรถเก่งและรู้กฎจราจรดี แต่ถ้าเร่งความเร็วของรถเพื่อแข่งกับเวลาหรือเพื่อจุดประสงค์อื่นใดก็ตาม พึงระลึกอยู่เสมอว่า "ช้าสักนิด ชีวิตปลอดภัย"
ระวังถนนลื่น
ฝนตก ถนนลื่น ถนนที่เป็นอันตราย ก็คือถนนที่เปียกชื้น ขณะฝนตกหรือหลังจากฝนตกใหม่ๆ เพราะถนนลื่นและทัศนวิสัยไม่ดี ควรขับรถให้ช้าลงและเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ
ในแต่ละเส้นทางพื้นผิวถนนจะไม่เหมือนกัน เราควรใช้ประสบการณ์ช่วยในการขับด้วยและ
รู้จักสังเกตทัศนวิสัยข้างหน้าอยู่สม่ำเสมอ
ใช้เกียร์ช่วยบังคับรถ
การฝึกการใช้เกียร์ช่วยบังคับรถ โดยเปลี่ยนเกียร์ต่ำลงมาจะเพิ่มความปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุได้ ผู้ขับรถบางคนติดนิสัยที่จะต้องปลดเกียร์ว่างหรือเหยียบคลัทช์พร้อมๆ กับเบรคเสมอ วิธีนี้ทำให้รถเสียการทรงตัวได้ง่าย ถ้ารถเบรคในขณะที่ถนนไม่อยู่ในสภาพที่ดีพอก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากขึ้น

ร่างกายและจิตใจต้องพร้อม
หากขับรถเมื่อสภาพร่างกายและจิตใจพร้อม โดยเมาไม่ขับหรือกินยาระงับประสาท หรือง่วงนอน อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้ง่าย ท่านควรจะหยุดจอดในที่ปลอดภัยหรือจอดล้างหน้า หรือหาที่พักได้ที่ป้อมตำรวจทางหลวง แล้วค่อยขับรถต่อ ลดความเร็วลง เปิดกระจกให้อากาศภายในรถถ่ายเทได้สะดวก เพื่อปกกันการหลับใน
การใช้ไฟให้ถูกต้อง
ขณะขับรถในเวลาค่ำคืน จะช่วยลดอุบัติเหตุในกรณีที่มีรถวิ่งสวนทางมาท่านควรจะใช้ไฟสูง-ต่ำสลับกันเตือนเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยปลุกให้ผู้ที่ขับรถสวนมาตื่นจากภวังค์ และขณะรถสวนกันท่านจะต้องใช้ไฟต่ำพร้อมกับลดความเร็่วลง การใช้ไฟสูงขณะขับรถสวนกันเป็นอันตรายมาก เพราะทำให้ผู้ขับรถสวนทางมาตาพร่ามัวก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

ประสบการณ์ที่ได้รับโดยตรง
ประสบการณ์ที่ได้รับโดยตรงจะสามารถทำให้เราได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อเวลาที่เราเดินทางโดยการใช้รถใช้ถนน หรือ การเดินทางด้วยรถประจำทาง เราควรดูหรือสังเกตสภาพรถก่อนที่เราจะขึ้นหรือโดยสาร แค่นี้เราเองก็จะเดินทางโดยสวัสดิภาพ

การให้สัญณานที่ถูกต้อง
เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยๆ โดยการเปิดไฟเลี้ยวค้างไว้ทำให้ผู้ที่ตามหลังมาเกิดความไม่เเน่ใจว่าจะไปในทิศทางใด เหตุการที่เกิดขึ้นอาจจะสร้างความเสียหายถึงชีวิตเเละทรัพสิน อย่างเช่น จะเลี้ยวขวาแต่ไปอยู่ที่ทางซ้ายของถนน นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุ

ข้อควรปฏิบัติเหล่านี้ ถ้านำไปใช้อย่างสม่ำเสมอก็จะมีประโยชน์ต่อผู้ใช้รถใช้ถนนได้บ้างตามสมควร แต่มีคติอยู่ข้อหนึ่งที่ควรยึดถือเป็นหลักประจำใจนั่นคือ "ปลอดภัยไว้ก่อน"

วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เขียนเเล้ว

เริ่มต้นการใช้งาน ในวันนี้